จากวิกฤตน้ำมันในปี พ.ศ. 2517 ชาวประมงราว 30- 40 คน พิจารณาจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มเกษตรกรทำประมงขึ้น ทั้งนี้เพื่อจะได้อาศัยความเป็นกลุ่มนี้ไปรองรับการจัดสรรโควตาน้ำมันจากหน่วยงานรัฐบาลในขณะนั้น
18 เมษายน พ.ศ. 2518
กลุ่มเกษตรกรทำประมงแม่กลอง ก็ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีตราเข็มทิศที่จะชี้ไปทางเหนือตลอดกาล ในระหว่างปี พ.ศ. 2522 กลุ่มสามารถจัดหาน้ำมันมาแบ่งปันให้สมาชิกได้ 9,534,000 ลิตร เพียงพอกับความต้องการของสมาชิกในกลุ่ม
ในที่สุดกลุ่มฯ ก็เห็นพ้องกันที่จะยกฐานะขึ้นเป็นสหกรณ์ เพื่อให้องค์กรมีความแข็งแกร่งขึ้น และสนองนโยบายรัฐบาลที่มุ่งจะช่วยเหลือชาวประมงโดยผ่านกลไกขององค์กรสหกรณ์ ซึ่งมีกฎหมายรองรับ
1 มกราคม พ.ศ. 2524
กลุ่มเกษตรกรทำประมงแม่กลอง ก็ได้จดทะเบียนเปลี่ยนฐานะเป็นสหกรณ์ประมงแม่กลอง จำกัด จดทะเบียนสหกรณ์ที่ ก.ส.ก. 3/2524 มีสำนักงานชั่วคราว ตั้งอยู่เลขที่ 705 ถนนประสิทธิพัฒนา ตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรสงคราม มีสมาชิก 154 คน จำนวนสมาชิก 180 ลำ ทุนเรือนหุ้น 491,370 บาท มียอดขายน้ำมันเดือนละ 800,000 ลิตร หรือประมาณ 25 % ของการปริโภคน้ำมันในจังหวัด
นับแต่จดทะเบียนจัดตั้งสหกรณ์ประมงแม่กลอง จำกัด เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2524 สหกรณ์ ก็ยังดำเนินธุรกิจต่อเนื่องจากกลุ่มเกษตรกร เดิม คือการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ในการประมง และเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นมาจำหน่าย มียอดการจำหน่ายโดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง จากเดือนละ 800,000 ลิตร เป็น 1,000,000 ลิตร 2,000,000 ลิตร จนถึง 4,300,000 ลิตรต่อเดือน ในปี 2533 จำนวนสมาชิกก็ขยายแวดวงไปยังสมาชิกนากุ้ง และชาวประมงในจังหวัดชายทะเลอื่น
สหกรณ์ ยังคงดำเนินธุรกิจต่อเนื่องจากกลุ่มเกษตรกร เดิม คือการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ในการประมง และเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นมาจำหน่าย มียอดการจำหน่ายโดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง จากเดือนละ 800,000 ลิตร เป็น 1,000,000 ลิตร 2,000,000 ลิตร จนถึง 4,300,000 ลิตรต่อเดือน ในปี 2533

เมื่อการซื้อขายน้ำมันกลางทะเลเพิ่มขึ้น ธุรกิจในการจัดหาสินค้ามาจำหน่ายให้สมาชิกก็ดูจะลดความสำคัญลง สหกรณ์ยังคงดำเนินการจำหน่ายน้ำมันเพื่อเติมรถยนต์ของบรรดาสมาชิก และผู้ใช้บริการตลาดปลา รวมทั้งน้ำมันหล่อลื่น ข้าวสาร น้ำมันพืช ตามที่สมาชิกต้องการโดยมียอดธุรกิจปีละ 60-70 ล้านบาท/ปี โดยมีรถบรรทุกเล็ก เพื่อให้บริการสมาชิก และรถบรรทุกน้ำมันดีเซลขนาด 16,000 ลิตร เดินทางให้บริการน้ำมันแก่สมาชิก ได้อย่างทั่วถึง
วิกฤตน้ำมันปี 2547 ทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนรัฐบาลต้องแบกรับภาระราคาน้ำมันแทนพี่น้องประชาชน ในการตรึงราคาจำหน่ายไว้ที่ 14.59 บาท/ลิตร แต่เป็นผลให้ราคาน้ำมันกลางทะเลที่ชาวประมงเคยซื้อในราคาถูกกว่าราคาที่ขายบนฝั่งลิตรละ 2-3 บาท จึงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่สหกรณ์ ต้องเร่งหาทางให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของสมาชิก โดยเฉพาะในเรื่องของราคาน้ำมัน สหกรณ์ได้กำหนดวิธีปฏิบัติโดยให้จัดซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้มาตรฐาน ในราคาที่ต่ำสุด มาจำหน่ายให้สมาชิก โดยสหกรณ์ไม่คิดส่วนเหลื่อม หรือค่าบริการใด ๆ ในการสั่งซื้อ ทั้งนี้ เพื่อสมาชิกได้มั่นใจในการสั่งซื้อน้ำมันลงเรือประมง
ที่มาของตลาดปลาสหกรณ์ประมงแม่กลอง
ตลาดปลานับเป็นความไฝ่ฝันของสมาชิก และชาวประมงในจังหวัด เพื่อไ่ต้องนำสินค้าไปขายไกล ๆ เสี่ยงกับการถูกกดราคา เสี่ยงกับการเดินทาง และอุบัติภัยต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในการออกไปขายปลาต่างจังหวัด ในปี 2524 สหกรณ์ จึงได้ทดลองเป็นแพปลา ขายปลาให้สมาชิก แต่ทำได้เพียง 7 เดือนก็ต้งหยุด แต่ก็ยังคงบุกบั่นขยายกิ่งก้านทางธุรกิจออกไปอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง ทำให้ฐานะทางการเงินมีความมั่นคงดี ความใฝ่ฝันที่จะให้มีสะพานปลาก็ยังคงอยู่ ในที่สุดคณะกรรมการสหกรณ์ ก็หันมาจับโครงการนี้อย่างจริงจัง ในแง่การหาพันธมิตร มีการแพร่กระจายสร้างความรู้ความเข้าใจแก่องค์กร และสาธารณชนในท้องถิ่นอย่างกว้างขวาง ในแง่วิชาการก็มีการวิจัยสนับสนุนความเป็นไปได้ของโครงการ จนในที่สุดก็มีความเป็นไปได้ คือนางบุญล้อม ลิ้มประเสริฐ ยกที่ดินให้จังหวัด 3 ไร่ เพื่อเสนอให้จังหวัดจัดหางบประมาณก่อสร้างสะพานปลาบก หรือตลาดปลา ในวงเงินก่อสร้างประมาณ 3 ล้านบาท เป็นตลาดปลาขนาดย่อม
ในสมัย นายวิธาน สุวรรณทัต เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม โครงการนี้ก็ได้รับการผลักดันสนับสนุนอย่างเต็มที่

5 พฤษภาคม 2532 อาคารตลาดปลาแม่กลอง ก็ได้ฤกษ์เปิดขึ้น โดยสหกรณ์ประมงแม่กลอง จำกัด เป็นผู้เช่าบริหารงาน มีกำหนด 10 ปี อัตราค่าเช่าเดือนละ 50,000 บาท มีเงื่อนไขปรับปรุงค่าเช่าทุก 3 ปี ปี 2540 ภายหลังการดำเนินงานเพียง 7 ปี กิจการตลาดปลาก็ขยายตัวจนสถานที่เดิมคับแคบ รถเข้าขายปลาเพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน สหกรณ์ฯ จึงตัดสินใจลงทุนเพื่อสร้างตลาดปลาขึ้นเอง ในวงเงิน 24 ล้านบาท ที่ได้กู้มาจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมการค้าภายใน และมีการสนับสนุนจากผู้ขายปลา ในอัตราพื้นที่เช่าเดิม และส่วนที่จะเพิ่มขึ้นใหม่

5 พฤษภาคม 2541 ตลาดปลาสหกรณ์ประมงแม่กลอง เปิดอย่างเป็นทางการ และเปิดขายปลาในวันที่ 6 พฤษภาคมและในปี 2546 สหกรณ์ก็ได้ขยับขยายอาคารหลังใหม่ ออกไปอีก จนปัจจุบัน อาคารตลาดปลาสหกรณ์ประมงแม่กลอง มีเนื้อที่ ในอาคาร กว่า 9,000 ตารางเมตร กับลานจอดรถคอนกรีตกว่า 13 ไร่ โดยรอบตลาดปลา
ในปี 2547 และ ปี 2553 ยังมีการก่อสร้างขยายตัวอาคารออกไปอีก 2 ครั้ง จนมีขนาดอาคารกว่า 10,000 ตารางเมตร โดยใช้เงินช่วยค่ากอ่สร้างจากแพปลาตามพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น
ปัจจุบันธุรกิจตลาดปลาสหกรณ์ประมงแม่กลอง มีความพร้อมในการรองรับปริมาณปลาของชาวประมงทั่วประเทศ วันละ กว่า 80 ตู้เย็น เป็นปริมาณปลาวันละกว่า 600 ตัน ทิศทางการดำเนินงานของตลาดปลาแห่งนี้ ซึ่งบริหารงานโดยชาวประมง ซึ่งเน้นด้านความสด สะอาด มีการพัฒนาระบบต่าง ๆ ได้แก่ ระบบการรายงานการจับสัตว์น้ำ ตามกฎบัตรของสหภาพยุโรป ระบบกล้องวงจรปิดในตลาดปลา ระบบล้างทำความสะอาดพื้นและภาชนะ ระบบจำหน่ายน้ำแข็ง รวมไปถึงการปรับปรุงพัฒนาวิธีการขายปลาอย่างถูกต้องตามหลักสุขอนามัย
จึงมั่นใจได้ว่า ตลาดปลาสหกรณืประมงแม่กลอง จะยืนหยัดที่จะเป็นฐานรากที่มั่นคง เพื่อประโยชน์ของชาวประมง และเสริมสร้างเศรษฐกิจให้กับชุมชน จังหวัด และประเทศชาติโดยแท้จริง